สำหรับปี 2019 ฮอนด้า เดินทางสู่หลักไมล์สำคัญในวงการมอเตอร์สปอร์ต นั่นคือวาระครบรอบ 60 ปีในการส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันรถจักรยานยนต์ระดับโลก ซึ่งได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองกันในศึกโมโตจีพี สนามล่าสุดที่ แอสเซน ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีนักบิดระดับตำนานและซูเปอร์สตาร์รุ่นใหม่มาร่วมงานและรำลึกช่วงเวลาพิเศษของพวกเขากับ ฮอนด้า อย่างคับคั่งเช่น มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 5 สมัยขวัญใจแฟน ๆ รุ่นใหม่, มิค ดูฮาน ตำนานนักบิดจากออสเตรเลีย, เฟรดดี สเปนเซอร์ ตำนานนักบิดจากสหรัฐอเมริกา รวมถึง คุนิมิตสึ ทาคาฮาชิ นักบิดชาวญี่ปุ่นคนแรกที่คว้าแชมป์สนามด้วยรถของ ฮอนด้า
งานเฉลิมฉลอง 60 ปีบนสังเวียน เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ ของ ฮอนด้า ยังได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญในการแข่งขันประกอบด้วย เทตสึฮิโระ คุวาตะ ประธานบริหารของ เอชอาร์ซี ฮอนด้า, คาร์เมโล เอซเปเลต้า ซีอีโอของ ดอร์น่า, ฆอร์เก้ บิเอกาส ประธานของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIM) พร้อมทั้งแขก VIP และสื่อมวลชนสายมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วทุกมุมโลก
มร.เทตสึฮิโระ คุวาตะ ประธานบริหารของ เอชอาร์ซี ฮอนด้า (HRC Honda) เผยว่า “คงไม่มีใครคาดคิดว่าผ่านมาแล้ว 60 ปี ฮอนด้า ยังคงเข้าร่วมการแข่งขันและคว้าชัยชนะมาทั่วโลก ฮอนด้า คือบริษัทแห่งเดียวที่ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตรายการชั้นนำมากมาย ตั้งแต่ โมโตจีพี ถึง ฟอร์มูล่า วัน, โมโตครอส สู่ อินดี้คาร์, จาก ดาการ์ ถึง ไทรอัลส์ และ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ สู่ เอ็นดูโร่ การแข่งขันคือส่วนหนึ่งในปรัชญาสำคัญของ ฮอนด้า และเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา”
มร.เทตสึฮิโระ คุวาตะ ประธานบริหารของ เอชอาร์ซี ฮอนด้า (HRC Honda) เผยว่า “คงไม่มีใครคาดคิดว่าผ่านมาแล้ว 60 ปี ฮอนด้า ยังคงเข้าร่วมการแข่งขันและคว้าชัยชนะมาทั่วโลก ฮอนด้า คือบริษัทแห่งเดียวที่ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตรายการชั้นนำมากมาย ตั้งแต่ โมโตจีพี ถึง ฟอร์มูล่า วัน, โมโตครอส สู่ อินดี้คาร์, จาก ดาการ์ ถึง ไทรอัลส์ และ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ สู่ เอ็นดูโร่ การแข่งขันคือส่วนหนึ่งในปรัชญาสำคัญของ ฮอนด้า และเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา”
ขณะที่ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก โมโตจีพี ขวัญใจแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตยุคใหม่ที่ใช้รถ RC213V คว้าแชมป์โลกมาแล้ว 5 สมัยจาก 6 ฤดูกาลที่ขึ้นมาบิดในรุ่นใหญ่ เผยว่า “รถจักรยานยนต์ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ระดับโลกนั้นล้วนแต่เป็นผลงานของ 'ฮอนด้า' ผมภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ความสำเร็จของ ฮอนด้า และมองถึงการร่วมกันเก็บเกี่ยวความสำเร็จให้มากกว่านี้ในอนาคต”
มิค ดูฮาน ตำนานนักแข่งชาวออสเตรเลีย คืออีกหนึ่งนักบิดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงเวลาที่เป็นนักแข่งของ ฮอนด้า ยุค 1990 หลังแสดงฝีมือความเร็วบนรถแข่ง NSR500 ทะยานคว้าแชมป์โลกมาถึง 5 สมัยติดต่อกัน (1994-1998) และร่วมงานกับ ฮอนด้า มาตลอด 25 ปี นับตั้งแต่วันที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลก “ผมยังจำวันแรกที่เข้ามาพบกับทีม HRC ในช่วงปลายปี 1988 ก่อนเซ็นสัญญาร่วมงานกับทีมลงแข่งชิงแชมป์โลกรุ่น 500 ซีซี. ในปี 1989 ผมรู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นของทีมงานทุกคน รวมถึงปรัชญาของพวกเขาก็ทำให้ผมกลายเป็นบุคลากรของ ฮอนด้า โดยสมบูรณ์”
ด้าน เฟรดดี สเปนเซอร์ อีกหนึ่งนักแข่งที่ประสบความสำเร็จเป็นแชมป์โลกกับ ฮอนด้า ในปี 1983 และมีโอกาสพบกับ โซอิจิโร่ ฮอนด้า ผู้ก่อตั้งบริษัทรถจักรยานยนต์อันยิ่งใหญ่แห่งนี้ กล่าวเช่นกัน “ผมได้แชมป์โลกรุ่น 500 ซีซี. ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กันยายน ปี 1983 กับทีมฮอนด้าในการแข่งขันที่ อิโมล่า วันนั้นผมได้พบกับคุณฮอนด้า เขายกมือมาแตะที่หัวไหล่ผมแล้วบอกว่าขอบคุณ การได้แชมป์โลกคือสิ่งที่เติมเต็มความฝันให้แก่ผม และผมก็ทำสิ่งนั้นให้ฮอนด้าได้เห็น”
ส่วน คุนิมิตสึ ทาคาฮาชิ คือนักแข่งชาวญี่ปุ่นที่มีส่วนสำคัญในการร่วมผลักดัน ฮอนด้า บนเวทีโลก เขาร่วมงานกับทีมฮอนด้า ลงแข่งขันในปี 1960 ก่อนประสบความสำเร็จคว้าแชมป์การแข่งขันรุ่น 250 ซีซี. ครั้งแรกด้วยวัย 21 ปี ในรายการ เยอรมัน กรังด์ ปรีซ์ ปี 1961 ก่อนจะได้แชมป์อีก 2 สนามตลอดการขับขี่กับ ฮอนด้า ในยุคเริ่มต้น “ผมจำได้ดีในวันที่คุณ โซอิจิโร่ ฮอนด้า กับทีมงานของเขาสร้างเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดในโลกขึ้นมา นั่นคือจุดเริ่มต้นของพวกเขา ผมสัมผัสได้ถึงสปิริตอันแรงกล้าของทีมงานทุกคนและมันก็ถูกส่งต่อไปยังคนรุ่นใหม่จนถึงปัจจุบัน”
ปิดท้ายกันที่ คาร์เมโล เอซเปเลต้า ซีอีโอของ ดอร์น่า ร่วมกล่าวยกย่องถึงความสำเร็จของ ฮอนด้า ตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา “60 ปีที่ผ่านมา ฮอนด้า ได้สร้างมาตรฐานอันยอดเยี่ยมและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน สิ่งนี้ทำให้เรามีความภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวของพวกเขาและพวกเขาก็มีส่วนสำคัญกับพวกเราเช่นกัน”
“ในฐานะผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ฮอนด้า มีสถานะที่แข็งแกร่งอย่างมากในเวทีการแข่งขัน พวกเขาพิสูจน์เรื่องนี้มาแล้วตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยจำนวนแชมป์ที่ทำได้อย่างมากมาย อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันรายการของเราจะเปลี่ยนเป็น โมโตจีพี มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ฮอนด้า ก็พร้อมต่อสู้และพิสูจน์ให้เห็นว่าเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีคุณภาพและเข้าถึงแฟน ๆ เสมอ” ฆอร์เก้ บิเอกาส ประธานของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIM) กล่าวทิ้งท้าย
มิค ดูฮาน ตำนานนักแข่งชาวออสเตรเลีย คืออีกหนึ่งนักบิดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงเวลาที่เป็นนักแข่งของ ฮอนด้า ยุค 1990 หลังแสดงฝีมือความเร็วบนรถแข่ง NSR500 ทะยานคว้าแชมป์โลกมาถึง 5 สมัยติดต่อกัน (1994-1998) และร่วมงานกับ ฮอนด้า มาตลอด 25 ปี นับตั้งแต่วันที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลก “ผมยังจำวันแรกที่เข้ามาพบกับทีม HRC ในช่วงปลายปี 1988 ก่อนเซ็นสัญญาร่วมงานกับทีมลงแข่งชิงแชมป์โลกรุ่น 500 ซีซี. ในปี 1989 ผมรู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นของทีมงานทุกคน รวมถึงปรัชญาของพวกเขาก็ทำให้ผมกลายเป็นบุคลากรของ ฮอนด้า โดยสมบูรณ์”
ด้าน เฟรดดี สเปนเซอร์ อีกหนึ่งนักแข่งที่ประสบความสำเร็จเป็นแชมป์โลกกับ ฮอนด้า ในปี 1983 และมีโอกาสพบกับ โซอิจิโร่ ฮอนด้า ผู้ก่อตั้งบริษัทรถจักรยานยนต์อันยิ่งใหญ่แห่งนี้ กล่าวเช่นกัน “ผมได้แชมป์โลกรุ่น 500 ซีซี. ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กันยายน ปี 1983 กับทีมฮอนด้าในการแข่งขันที่ อิโมล่า วันนั้นผมได้พบกับคุณฮอนด้า เขายกมือมาแตะที่หัวไหล่ผมแล้วบอกว่าขอบคุณ การได้แชมป์โลกคือสิ่งที่เติมเต็มความฝันให้แก่ผม และผมก็ทำสิ่งนั้นให้ฮอนด้าได้เห็น”
ส่วน คุนิมิตสึ ทาคาฮาชิ คือนักแข่งชาวญี่ปุ่นที่มีส่วนสำคัญในการร่วมผลักดัน ฮอนด้า บนเวทีโลก เขาร่วมงานกับทีมฮอนด้า ลงแข่งขันในปี 1960 ก่อนประสบความสำเร็จคว้าแชมป์การแข่งขันรุ่น 250 ซีซี. ครั้งแรกด้วยวัย 21 ปี ในรายการ เยอรมัน กรังด์ ปรีซ์ ปี 1961 ก่อนจะได้แชมป์อีก 2 สนามตลอดการขับขี่กับ ฮอนด้า ในยุคเริ่มต้น “ผมจำได้ดีในวันที่คุณ โซอิจิโร่ ฮอนด้า กับทีมงานของเขาสร้างเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดในโลกขึ้นมา นั่นคือจุดเริ่มต้นของพวกเขา ผมสัมผัสได้ถึงสปิริตอันแรงกล้าของทีมงานทุกคนและมันก็ถูกส่งต่อไปยังคนรุ่นใหม่จนถึงปัจจุบัน”
ปิดท้ายกันที่ คาร์เมโล เอซเปเลต้า ซีอีโอของ ดอร์น่า ร่วมกล่าวยกย่องถึงความสำเร็จของ ฮอนด้า ตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา “60 ปีที่ผ่านมา ฮอนด้า ได้สร้างมาตรฐานอันยอดเยี่ยมและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน สิ่งนี้ทำให้เรามีความภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวของพวกเขาและพวกเขาก็มีส่วนสำคัญกับพวกเราเช่นกัน”
“ในฐานะผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ฮอนด้า มีสถานะที่แข็งแกร่งอย่างมากในเวทีการแข่งขัน พวกเขาพิสูจน์เรื่องนี้มาแล้วตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยจำนวนแชมป์ที่ทำได้อย่างมากมาย อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันรายการของเราจะเปลี่ยนเป็น โมโตจีพี มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ฮอนด้า ก็พร้อมต่อสู้และพิสูจน์ให้เห็นว่าเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีคุณภาพและเข้าถึงแฟน ๆ เสมอ” ฆอร์เก้ บิเอกาส ประธานของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIM) กล่าวทิ้งท้าย
No comments:
Post a Comment