ตัวชูโรงของการเดินทางครั้งนี้คือเหล่ารถสไตล์แกรนด์ทัวเรอร์สุดหรูของเฟอร์รารี่ ยนตรกรรมซึ่งไม่เพียงแค่ครองใจเหล่าผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ยังเชื่อมโยงกับเมืองต่างๆที่น่าสนใจระดับโลกอีกด้วย ผู้เข้าชมจะได้ร่วมเดินทางไปกับเฟอร์รารี่ผ่านซุ้มมัลติมีเดียทั้ง 5 ซึ่งเป็นตัวแทนของมหานครต่างๆ คือ ปารีส, ลอนดอน, นิวยอร์ก, เซี่ยงไฮ้ และอบูดาบี สร้างปรากฏการณ์อันน่าประทับใจให้กับผู้มาเยือนด้วยการนำเสนอผ่านภาพและเสียงอันยอดเยี่ยม ดื่มด่ำเรื่องราวของเฟอร์รารี่ที่เชื่อมประสานกับแต่ละเมืองใหญ่และดินแดนแว่นแคว้นใกล้เคียง โดยแต่ละซุ้มจะตั้งอยู่ที่กึ่งกลางของ “คลื่นแห่งพลังงาน” ซึ่งกำหนดบริบทให้กับรถยนต์เฟอร์รารี่แต่ละคัน
ในซุ้มของปารีสจะพาเข้าสู่พื้นที่ของทวีปยุโรป โดยมี “วิลล์ ลูมิแยร์” (มหานครแห่งแสงไฟ) และงานจัดแสดงรถยนต์นานาชาติเป็นฉากหลัง เพื่อสื่อถึงช่วงเวลาสำคัญๆ ในประวัติศาสตร์ของเฟอร์รารี่ ตัวอย่างเช่น เมื่อปี 1949 ที่นี่คือสถานที่เปิดตัวรุ่น 166 อินเตอร์ ทัวริง รถคูเป้ที่มาพร้อมกับเส้นสายอันงดงาม จนส่งให้เฟอร์รารี่มีชื่อเสียงเกรียงไกร ซึ่งถูกนำมาจัดแสดงไว้บริเวณนี้ นอกจากนั้น ยังมีช่วงเวลาอันน่าจดจำมากมายให้ได้ชม นั่นรวมถึง เฟอร์รารี่ 375 เอ็มเอ็ม ซึ่ง โรเบร์โต รอสเซลลินี มอบหมายให้ พินิน ฟารีนา สร้างขึ้นเป็นพิเศษเพียงคันเดียวเพื่อมอบให้กับ อิงกริด เบิร์กแมน ภรรยาของเขา
ด้วยการผสานความล้ำสมัยเข้ากับวัฒนธรรมดั้งเดิมของวงการมอเตอร์สปอร์ตได้อย่างชาญฉลาด งานกู๊ดวูด (Goodwood - Festival of Speed) จึงยังคงเฟื่องฟูอย่างต่อเนื่อง สหราชอาณาจักรยกย่องให้รถยนต์ของเฟอร์รารี่เป็นดาวเด่นประจำงานเสมอมา และที่จะสามารถพบเห็นได้ในนิทรรศการนี้ก็เช่น เฟอร์รารี่ 330 จีที รถคูเป้ 2+2 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง V12 วางด้านหน้า ที่กลายเป็นตำนานอมตะแห่งเวสต์มินส์เตอร์, สหราชอาณาจักร ในปี 1964 เมื่อทีม มาราเนลโล คอนเซสชันเนร์ ของ โคโลเนล รอนนี โฮร์ นักแข่งชื่อดังแห่งกู๊ดวูด นำเอายนตรกรรมคันนี้ไปแสดงต่อเหล่าลูกค้าของเขา
สำหรับสหรัฐอเมริกาก็เป็นดินแดนที่มีความสัมพันธ์อันยาวนานกับเฟอร์รารี่เช่นกัน มิตรภาพอันแน่นแฟ้นที่ได้มาจากศิลปินทางดนตรีอย่างเช่น ไมลส์ เดวิส และนักแสดงฮอลลีวูด เจน แมนส์ฟิลด์ เป็นต้น นอกจากนั้นยังได้รับการสนับสนุนจากกิจกรรมที่มีชื่อเสียงมากมาย รวมถึงงาน 30 มิลเลียน คาร์ แรลลี ปี 2016 ซึ่งมีรถรุ่น 250 จีที เบอร์ลิเนตตา เอสดับเบิลยูบี
ปี 1959 ที่ได้รับการยกย่องจากบรรดานักสะสมว่าเป็นรถแบบจีทีที่ยอดเยี่ยมที่สุด เข้าร่วมงานด้วย โดยรถรุ่นดังกล่าวมีชื่อเสียงในเรื่องของเส้นสายตัวถังอันเป็นเอกลักษณ์และชนะการแข่งขันมาอย่างมากมาย ซึ่งก็มีจัดแสดงในนิทรรศการด้วยเช่นกัน
จากการหลอมรวมเอาความงามแบบโบราณของตะวันออกไกลเข้ากับวัฒนธรรมตะวันตกได้อย่างพอเหมาะลงตัว เซี่ยงไฮ้จึงเป็นมหานครที่ไม่ธรรมดา ความโดดเด่นนี้ถูกนำมาขับให้นิทรรศการน่าสนใจยิ่งขึ้นผ่านภาพลักษณ์ของ 599 จีทีบี ฟิโอราโน ซึ่งได้รับการตกแต่งตัวถังด้วยลวดลายสไตล์เครื่องลายครามสมัยราชวงศ์ซ่ง ด้วยฝีมือของศิลปินนาม ลู ห่าว ส่วนรถที่จัดแสดงเคียงคู่อยู่กับศิลปะระดับมาสเตอร์พีซคันนี้ก็คือ เฟอร์รารี่ 612 สกาเลียตติ ซึ่งเมื่อปี 2005 หรือเพียงแค่ 1 ปีหลังจากเปิดตัว รถรุ่นนี้ถูกนำไปพิสูจน์ความสะดวกสบายและสมรรถนะผ่านการเดินทางไกลกว่า 24,000 กม. ทั่วประเทศจีน นอกจากนั้นยังมีการจัดแสดงภาพถ่ายของ เฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน ปี 2018 ในย่านชิบุยาของโตเกียว ซึ่งจัดเป็นอีกหนึ่งเมืองแห่งความมีชีวิตชีวาของเหล่าเฟอร์ราริสต้าในตะวันออกไกล
อบูดาบีคือหนึ่งในมหานครแห่งตะวันออกกลางที่เปี่ยมด้วยความหรูหราและคลั่งไคล้ในม้าลำพองอย่างไม่มีข้อกังขา จนได้รับการจารึกจากเฟอร์รารี่เวิร์ลด์ให้เป็นศูนย์รวมของเฟอร์รารี่รุ่นต่างๆ ข้อเท็จจริงก็คือ เฟอร์รารี่ เอฟเอฟ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ยนตรกรรมที่ก้าวล้ำทั้งในเรื่องของสไตล์และสมรรถนะ ได้รับการเปิดตัวที่นี่เมื่อปี 2011 ไม่นานหลังจากที่รถรุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกในงาน เจนีวา อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ และในซุ้มยังแสดงเรื่องราวของงาน อินเตอร์เนชันแนล เควัลเคด ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 25 ปี ของเฟอร์รารี่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรด ด้วยขบวนรถยนต์เฟอร์รารี่ที่มารวมตัวกันมากกว่า 100 คัน
นิทรรศการ แกรนด์ ทัวร์ เวียนมาถึงอิตาลีพร้อมกับ เฟอร์รารี่ โรมา ผลงานชิ้นเอกล่าสุดจาก มาราเนลโล สไตล์ เซนเตอร์ ยนตรกรรมที่ถือกำเนิดขึ้นจากการนำเอาความงดงามที่ซับซ้อนละเอียดอ่อนในยุค ’50 และ ’60 มาผสมผสานเข้ากับความรุ่งโรจน์ร่วมสมัย กลายเป็นทางเลือกแห่งสุนทรียะและวิถีชีวิตอันสมบูรณ์แบบ ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่ในอิตาลีเท่านั้น แต่ถูกเผยแพร่ไปทั่วทั้งโลก เช่นเดียวกับการเปิดตัวของนิทรรศการนี้
No comments:
Post a Comment